โดยในประเทศไทยสามารถครองตำแหน่งแชมป์รถกระบะ ด้วยยอดขายสะสมกว่า 1,650,000 คัน ครองอันดับ 1 ในตลาดรถกระบะ 9 ปีซ้อน และรถกระบะไฮลักซ์ที่ผลิตภายในประเทศไทย ยังสามารถสร้างความความภาคภูมิใจให้กับคนไทย ภายใต้คุณภาพการผลิตมาตรฐานโตโยต้า ด้วยยอดส่งออกรถยนต์ภายใต้โครงการ IMV กว่า 2,400,000 คัน ทั้งหมดนี้แสดงถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าทั่วโลก ที่มีต่อคุณภาพและสมรรถนะของโตโยต้า ไฮลักซ์ ทำให้เป็นรถกระบะยอดนิยมระดับโลกอย่างแท้จริง “ล่าสุดโตโยต้าได้แนะนำ ไฮลักซ์ เจนเนอเรชั่นที่ 8 ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของโตโยต้า ถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติทุกมิติของรถกระบะอย่างแท้จริง กับการเปลี่ยนโฉมในทุกตารางนิ้ว เพื่อตอบสนองทุกความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าอย่างเหนือความคาดหมาย ภายใต้ชื่อใหม่ว่า Hilux REVO (ไฮลักซ์ รีโว่)” เคียวอิจิ ทานาดะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดกล่าว | |||||||||||
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า Hilux REVO เป็นการพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่ กับรถกระบะที่ถูกพัฒนาเพื่อปฏิวัติโลกยนตรกรรม ทั้งในวันนี้และอนาคต โดยชื่อ Hilux REVO มาจากคำว่า “REVOLUTION” ซึ่งมีความหมายในการพัฒนาไฮลักซ์ ใหม่ ในทุกมิติ ทุกตารางนิ้ว ผ่านจุดขายหลักทั้ง 6 จุด จึงเป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาด ภายใต้แนวคิด “ไฮลักซ์ รีโว่ ปฏิวัติทุกมิติ แห่งกระบะอนาคต” โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นให้เกิดการรับรู้แบรนด์สูงสุด ด้วยแผนการสื่อสารการตลาดที่ครอบคลุมทุกช่องทาง พร้อมการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ รวมทั้งสื่อดิจิตอลในเว็ปไซต์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป | |||||||||||
“Hilux REVO มีให้เลือกถึง 3 รุ่น 33 แบบ มีสีให้เลือกทั้งสิ้น 7 สี โดยเป็นสีใหม่ด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Nebula Blue สีแดง Crimson Spark Red และสีขาวมุก White Pearl Crystal วางจำหน่ายราคาเริ่มต้นเพียง 569,000 บาท โดยได้เพิ่มสายผลิตภัณฑ์ใหม่ในรุ่นมาตรฐานขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้า ทั้งนี้ Hilux REVO รุ่นดับเบิ้ลแค็บ และรุ่นมาตรฐาน พร้อมส่งมอบให้ทุกท่านเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันนี้ สำหรับรุ่นสมาร์ทแค็บ สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ และเริ่มทำการส่งมอบได้ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน เป็นต้นไป และวางพร้อมเป้าหมายการขายที่ 14,000 คันต่อเดือน”วุฒิกรกล่าว
| |||||||||||
REVOLUTION OF STYLING Hilux REVO ทุกองศาคือความหรูหราผสานความโฉบเฉี่ยวดุดัน ด้วยเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ กระจังหน้า และกันชนหน้า เส้นสายที่สอดประสานกับไฟหน้ากับไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ควบคุมแสงสว่างเปิด-ปิดอัตโนมัติ (Light Control System) พร้อมระบบปรับระดับอัตโนมัติ และไฟ LED Daytime Running Light ที่ผสานอย่างลงตัวกับไฟตัดหมอกหน้า ขณะที่ไฟท้ายพร้อมไฟตัดหมอก (Rear Combination Lamp with fog lamp) พร้อมครีบช่วยการทรงตัว (Aero Stabilizing Fin) เพิ่มเสถียรภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น กระจกมองข้างโครเมียม พร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางแบบ All-terrain รองรับทุกรูปแบบการขับขี่ ลุยได้ทุกสภาพถนน(แล้วแต่รุ่น) | |||||||||||
ภายในห้องโดยสารสรรค์สร้างที่สุดแห่งสุนทรียภาพขับขี่ และความหรูหราที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นสมบูรณ์แบบ กับห้องโดยสารขนาดใหญ่โอ่โถงกว้างสบาย ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) และมาพร้อมกับจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID 4.2 นิ้ว ติดตั้งระบบเครื่องเสียงพร้อมเนวิเกเตอร์ แบบหน้าจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบนำทาง T-Connect และการเชื่อมต่อ USB / AUX / Bluetooth พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ AC 220V กล่องเก็บของพร้อมระบบรักษาความเย็น (Cool Box) และช่องปรับอากาศสำหรับเบาะหลัง | |||||||||||
GD Efficient Boost เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นล่าสุดจากโตโยต้า พลังขับเคลื่อนที่แรงขึ้นอีกขั้น ให้แรงบิดสูงสุดในรอบกว้าง (Flat Torque) ครอบคลุมทุกการใช้งาน ระบบเทอร์โบแปรผันใหม่ (VN Turbo) ออกแบบให้มีขนาดเล็กลงแต่ประสิทธิภาพมากขึ้น หัวฉีดเทคโนโลยีล่าสุดปั๊มแรงดันสูง 220 MPa ฉีดน้ำมันเป็นละอองฝอย เผาไหม้สมบูรณ์หมดจด เพิ่มระดับความประหยัดให้มากยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ทำงานเงียบ และสั่นสะเทือนน้อยกว่า มาพร้อมกับระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop & Start System) เมื่อรถหยุดนิ่ง และจะสตาร์ทเครื่องยนต์ขึ้นใหม่โดยอัตโนมัติเมื่อแตะคันเร่ง จึงช่วยให้ประหยัดน้ำมันและลดไอเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่ขึ้น กับระบบ EGR (Exhaust Gas Recirculation) หรือการนำไอเสียหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ช่วยลดความร้อนของเครื่องยนต์ขณะทำงาน ลดมลพิษได้เต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐาน Euro 4 | |||||||||||
Hilux REVO มากับระบบส่งกำลังใหม่(แล้วแต่รุ่น) ทั้งเกียร์ธรรมดาอัจฉริยะ iMT 6 สปีด ทำให้ทุกการขับขี่ง่ายดาย ราบรื่นทุกจังหวะความเร็ว และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ให้แรงบิดสูงในจังหวะรอบต่ำช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับเคลื่อนได้อย่างเหนือชั้น และประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ยังใช้งานสะดวกกับสวิตช์ปรับรูปแบบการขับขี่ (Drive Mode Switch) เลือกรูปแบบสมรรถนะการขับขี่ได้ตามต้องการ ทั้งแบบประหยัด (ECO Mode) และแบบสมรรถนะสูง (Power Mode) ตอบสนองทุกสภาพการขับขี่ รวมถึงสวิตช์ปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า Shift-On-The-Fly (4WD Switch) ช่วยให้ปรับระบบเข้าสู่รูปแบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้อย่างสะดวกและง่ายดายขึ้น พร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟ A-TRC (Active Traction Control) เพื่อการขับขี่สไตล์ Off Road อย่างแท้จริง และยังมีเทคโนโลยีสำหรับการฝ่าฟันอุปสรรค กับระบบล็อกเฟืองท้าย (Diff Lock) ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ทำให้มั่นใจได้ว่ารถจะมีแรงฉุดลากที่เหมาะสม สามารถตะลุยผ่านเส้นทางวิบากได้อย่างง่ายดาย | |||||||||||
ระบบช่วงล่าง DCS (Dynamic Control Suspension) ออกแบบใหม่ทุกชิ้น ให้การตอบสนองดีเยี่ยมทั้งการทรงตัวและความนุ่มนวล โดยระบบกันสะเทือนใหม่ (New Suspension System) ให้สมรรถนะเช่นเดียวกับรถ SUV ระดับหรู ขณะที่โครงสร้างแชสซีส์ใหม่ FIRM (Frame with Integrated Rigidity Mechanism) ออกแบบพิเศษให้แข็งแกร่งเพิ่มถึง 20% ทนทานยิ่งขึ้น เพิ่มสมรรถนะการทรงตัวที่มั่นคงในขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง ลดแรงสั่นสะเทือนเพิ่มความนุ่มนวล พร้อมทั้งช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการชนดีกว่าเดิม 15% ช่วยปกป้องผู้โดยสารได้เหนือชั้นกว่า มั่นใจยิ่งขึ้นกับระบบควบคุมเสถียรภาพของห้องโดยสาร (Body Control with Torque Demand -เฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล) ช่วยลดการกระพือของห้องโดยสารอันเนื่องมาจากสภาพถนน ให้การขับขี่ราบเรียบ และนุ่มนวลยิ่งขึ้น | |||||||||||
Hilux REVO เป็นอีกขั้นของระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกัน Active Safety อย่างระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC(Hill-start assist control) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control) และกล้องมองหลัง ขณะที่ระบบปกป้องหลังเกิดอุบัติเหตุ หรือ Passive Safety ประกอบด้วยถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่งรอบคัน และโครงสร้างตัวถังนิรภัย | |||||||||||
ยินดีต้อนรับสู่ OffroadThai.com ชุมชนคนขับรถยนต์ Offroad 4WD ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย (http://offroadthai.com/) | Powered by Discuz! X3 |